7 กฎบริหารเงินเพื่อไม่ให้เงินหมดก่อนสิ้นเดือน

เรียนรู้วิธีวางแผนรายจ่าย ควบคุมพฤติกรรมการเงิน และจัดการเงินเดือนอย่างมีวินัย เพื่อให้ใช้เงินได้ตลอดเดือนโดยไม่ต้องพึ่งหนี้

กฎ 7 ข้อ ที่จะทำให้เงินไม่หมดก่อนสิ้นเดือน

ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นแต่รายได้ไม่ได้เพิ่มตาม หลายคนต้องเผชิญปัญหา “เงินหมดก่อนถึงสิ้นเดือน” เป็นประจำ โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานช่วงต้นถึงกลางที่ยังไม่มีแผนการเงินชัดเจน และมีพฤติกรรมการใช้เงินที่เน้นความสะดวกหรืออารมณ์มากกว่าการวางแผน

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ “7 กฎบริหารเงิน” ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณมีเงินเพียงพอจนถึงสิ้นเดือน ไม่ต้องหยิบยืมหรือพึ่งพาแอปยืมเงินนอกระบบ

1. เริ่มต้นด้วยการทำงบประมาณที่ชัดเจนทุกเดือน

งบประมาณรายเดือนคือเครื่องมือสำคัญในการจัดการการเงิน แนะนำให้แบ่งเงินเดือนออกเป็น 4 ส่วนหลัก:

  • ค่าใช้จ่ายประจำ (เช่น ค่าเช่าห้อง ค่าเดินทาง ค่าน้ำค่าไฟ): 50%

  • เงินออม (ออมฉุกเฉิน ออมเพื่อเป้าหมาย): 20%

  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว (ช้อปปิ้ง กาแฟ ดูหนัง): 20%

  • หนี้สินและภาระผูกพัน (หากมี): 10%

การใช้แอปช่วยทำงบ เช่น “Piggipo”, “Money Manager” หรือแม้แต่ Google Sheets สามารถช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและปรับพฤติกรรมได้อย่างต่อเนื่อง

2. จ่ายให้ตัวเองก่อนเสมอ (Pay Yourself First)

ทันทีที่เงินเดือนเข้า ควรแยกเงินออมไว้ก่อน เช่น 10–20% แล้วโอนเข้าบัญชีเงินฝากแยกไว้ต่างหาก อย่ารอให้ “เหลือแล้วค่อยออม” เพราะส่วนใหญ่มักจะไม่เหลือ

บัญชีออมควรตั้งชื่อชัดเจน เช่น “ออมเงินเที่ยวญี่ปุ่น” หรือ “เงินฉุกเฉิน 3 เดือน” เพื่อกระตุ้นเป้าหมายและสร้างวินัยในการไม่ถอนมาใช้

3. จดบันทึกรายจ่ายแบบวันต่อวัน

การจดรายจ่ายไม่ใช่เรื่องล้าสมัย แต่เป็นเครื่องมือสร้างสติในการใช้เงิน ใช้แอปช่วยก็ได้ เช่น:

  • SCB Easy: เชื่อมบัตรเครดิต บัญชี และวิเคราะห์รายจ่ายอัตโนมัติ

  • K PLUS: สรุปหมวดการใช้จ่าย และเปรียบเทียบแต่ละเดือน

  • Piggipo: ตั้งงบต่อวัน พร้อมแจ้งเตือนเมื่อใช้เกิน

การเห็นตัวเลขจริง ๆ จะช่วยให้คุณรู้ว่าใช้เงินกับ “ของไม่จำเป็น” ไปเท่าไหร่ในแต่ละวัน

4. หยุดพฤติกรรมซื้อของตามอารมณ์

ผู้ใช้จำนวนมากยอมรับว่า “ช้อปออนไลน์” คือจุดอ่อน การเลื่อนมือถือช่วงดึก หรือ Shopee/Lazada Flash Sale มักทำให้เราซื้อของโดยไม่รู้ตัว ลองใช้กฎ:

  • “รอ 24 ชั่วโมง” ก่อนกดซื้อ

  • “เช็กตะกร้า 2 ครั้ง” ถามตัวเองว่า จำเป็นจริงไหม

  • ตั้งวงเงินใช้จ่ายออนไลน์ในแต่ละเดือน

สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ช่วยให้คุณมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น โดยไม่รู้สึกว่าถูกบีบคั้น

5. ใช้เครื่องมือดิจิทัลช่วยควบคุม

แอปธนาคารส่วนใหญ่ในไทย เช่น Krungthai NEXT, K PLUS, SCB Easy มีฟีเจอร์ตั้งงบ และแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เมื่อมีการใช้จ่าย

นอกจากนี้ ยังสามารถ:

  • เช็กยอดใช้จ่ายสะสมในเดือนแบบรายหมวด

  • ปรับงบประมาณแต่ละสัปดาห์

  • ตั้งเป้าหมายการออม เช่น ออมให้ได้ 5,000 บาทใน 60 วัน

6. วางแผนแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์

การวางแผนทั้งเดือนอาจดูไกลเกินไป แนะนำให้ใช้การวางแผนรายสัปดาห์ เช่น:

  • สัปดาห์ที่ 1: ค่าเดินทาง 300 บาท, ค่าอาหาร 700 บาท

  • สัปดาห์ที่ 2: จ่ายค่าเช่า, ซื้อของใช้จำเป็น

  • สัปดาห์ที่ 3: ลดการช้อป, เก็บเงินสำรอง

  • สัปดาห์ที่ 4: ประเมินทั้งเดือน ปรับแผนใหม่

การทำแบบนี้ช่วยให้คุณควบคุมตนเองได้ง่ายขึ้น และไม่รู้สึกว่า “เงินหายไปอย่างรวดเร็ว”

7. เช็กเครดิตและหนี้สินอย่างสม่ำเสมอ

หากคุณมีบัตรเครดิต สินเชื่อ หรือเคยกู้เงิน ควรตรวจสอบสถานะกับเครดิตบูโรผ่านแอป Krungthai NEXT หรือตรวจที่ธนาคารรัฐใกล้บ้าน

  • ดูว่าเป็น “บัญชีปกติ” หรือมี “ค้างชำระ”

  • ถ้ามีหนี้หลายแห่ง ให้จัดลำดับการชำระจากดอกเบี้ยสูงไปต่ำ

  • ไม่ควรกู้เพิ่มหากยังชำระยอดเก่าไม่หมด

การรู้สถานะหนี้ตนเองจะช่วยป้องกันการติด “แบล็คลิสต์” และวางแผนทางการเงินได้แม่นยำยิ่งขึ้น

สรุป: วินัยสำคัญกว่ารายได้

ไม่ว่าคุณจะมีรายได้เท่าไหร่ ถ้าไม่มีวินัยในการใช้เงิน ก็อาจเผชิญปัญหาเงินหมดก่อนถึงสิ้นเดือนได้ทุกเมื่อ

“7 กฎการเงิน” ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการฝึกพฤติกรรมทางการเงินที่ดี และสร้างรากฐานให้คุณเดินทางสู่ความมั่นคงโดยไม่ต้องพึ่งหนี้นอกระบบหรือแอปยืมเงินด่วน

เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำได้ทันทีวันนี้ แล้วผลลัพธ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในระยะยาว